เรื่องของความสวยความงามและการแต่งหน้านั้นเป็นของที่คู่กับสาวๆกันอยู่ ดังที่คำสุภาษิตของไทยได้กล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ไม่ว่าจะเป็น ครีมกันแดด กันแดด บีบีครีม ซีซีครีม แป้งผสมรองพื้น แป้งฝุ่น แป้งชิมเมอร์ ไพรเมอร์ อายไลนเนอร์ มาสคาร่า บลัชออน ปัดแก้มลิปสติก และเครื่องสำอางต่างๆ อยู่ที่ว่าสาวๆจะจัดเต็มแค่ไหน เมื่อรู้จักวิธีการแต่งหน้าแล้วก็ต้องรู้จักวิธีการล้างหน้าเพื่อเอาเครื่องสำอางทั้งหลาย ที่อยู่บนใบหน้าออก นั้นก็มีความสำคัญมากๆไม่แพ้กันเลย ถ้าไม่อยากให้มีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวหัวช้าง และสิวทั้งหลายรวมไปถึงปัญหาบนใบหน้า เช่น ผิวแห้งกร้าน เหี่ยวเร็วก่อนวัยอันควรนั้น สาวๆทั้งหลายก็ควรจะต้องหันมาใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดบนใบหน้ากันตั้งแต่นี้ไปเลยคะ โดยการทำสะอาดผิวหน้าในแต่ละวันก็มีความสำคัญมาก ถ้าไม่อยากให้น้องสิวอุดตัน หรือ สิวอักเสบถามหา ซึ่งหญิงสาวๆหลายคนมักเลือกที่จะใช้ โฟมล้างหน้า เพียงอย่างในการทำความสะอาดผิวหน้า ซึ่งจริงๆแล้วมันยังไม่เพียงพอ แต่วันไหน ถ้าแต่งหน้าบางๆอ่อนๆ แค่ตบแป้งฝุ่นหรืออยู่บ้านไม่ได้แต่งหน้านั้น การใช้โฟมล้างหน้าก็ถือว่าเพียงพอ แต่เครื่องสำอางสมัยใหม่มักมีสูตรกันน้ำ และส่วนผสมมากมายดังนั้นจึงต้องมีผลิตภัณฑ์อย่างอื่นมาช่วยลบล้างสิ่งตกค้างที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอางต่างให้หมดไปจากผิวหน้าเราในแต่ละวัน ด้วยวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูกต้องและเหมาะสมตามสภาพผิวเรานั่นเอง
ซึ่งตอนนี้ตามท้องตลาดก็มีให้เลือกอีกมากเราคงเคยคุ้นหูกับคำว่า Cleanser กับ Cleansing นั่นเอง(อ่านว่าเคลนซิ่ง กับ เคลนเซอร์) แต่บ้านเราอ่านคลีนซิ่งกับคลีนเซอร์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ดังนั้น เรามาทำความรู้จักcleanser กับ cleansing เอาแบบเข้าใจง่ายๆกันก่อนดีกว่าคะ
Cleanser กับ Cleansing นั้นมีหน้าที่ง่ายๆนั่นก็คือ ทำหน้าที่เป็นตัวล้างสิ่งสกปรก และสิ่งตกค้างบนใบหน้า พวกเครื่องสำอางต่างๆ สิ่งสกปรกจากฝุ่น ควัน มลพิษต่างๆ นั้นเอง
- Cleanser ส่วนใหญ่นั้น จะอยู่ในรูปแบบของ สบู่, เจล ,ผง หรือ โฟม ซึ่งโดยปกติจะใช้หลังจากการใช้ Cleansing นั่นเองเหมาะกับ การชำระล้างสิ่งสกปรกใบบนหน้าทั่วๆไป ไม่ได้แต่งหน้า หรือแค่แป้งฝุ่น
หรือหนุ่มๆ Cleanser ก็เพียงพอแล้ว
- Cleansing Markup Remover จะเหมาะสำหรับผู้ที่แต่งหน้า ทารองพื้น ไพรเมอร์ อายชาโดว์ ทาครีมกันแดด ลงชิมเมอร์ หรือกลุ่มที่แต่งหน้ากันแบบจัดเต็มนั่นเอง Cleansing นั้น จะทำหน้าที่ล้างเครื่องสำอางได้สะอาดล้ำลึกดีกว่า cleanser มาก ซึ่ง Cleansing เองก็มีหลากหลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ โลชั่น lotion,แบบน้ำมัน Oil หรือ เนื้อน้ำนม Milk และมีกลุ่มที่ใช้เฉพาะจุดด้วย เช่น Eye remover ซึ่งจะอ่อนโยน ไว้ใช้เฉพาะรอบดวงตาสำหรับผู้ที่ใช้ อายชาโดว์ อายไลน์เนอร์ โดยเฉพาะ ถ้าอยู่บ้านไม่ได้แต่งตาก็ข้าม eye remover ไปได้เลย
ผลิตภัณฑ์ที่ชำระล้างหรือcleanser กับ cleansing นั้น แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่
- กลุ่มแรก จะใช้คุณสมบัติของ Emollients หรือ Solvent ของสารจำพวกน้ำมัน, ซิลิโคน, PEG หรือ Fatty Alcohol อนุพันธ์แอลกอฮอล์ สารพวกกลุ่มไกลคอล เป็นส่วนประกอบ กลุ่มนี้จะเรียกว่า Emollient-base cleanser ในการละลายเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกที่ไม่ละลายในน้ำให้ละลายหลุดออกมา
กลุ่มที่เราได้กล่าวไว้ในกลุ่มแรก คือ Emollient-base cleanser ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งกลุ่มนี้มักใช้ล้างเครื่องสำอางนั่นเอง บางครั้งเราจึงอาจเรียกว่า Make-up remover ซึ่งวิธีการใช้โดยปกติแล้ว เมื่อเราเช็ดเครื่องสำอางออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มักจะตามด้วยสบู่ หรือโฟมล้างหน้า เนื่องจากสารจากกลุ่มแรกนั้น อาจทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ทิ้งคราบ หรือความไม่สบายไว้บนผิวค่ะ ซึ่งกลุ่มแรกนั้น จะถูกแยกออกเป็นหลายชนิดที่เราคุ้นเคยกัน ดังนี้
1. Cleansing water (โลชั่นแบบน้ำสำหรับเช็ดเครื่องสำอาง) จัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางเนื้อบางเบาที่สุด เนื้อจะเป็นน้ำใสๆ ซึ่งแทบจะไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันเลย บางครั้งกลุ่มนี้จะเรียกว่ากลุ่ม oil-free ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ไม่มีความเหนอะหนะ ซึ่งจะแนะนำว่าเหมาะสำหรับสาวๆผิวมัน ส่วนวิธีใช้ คือต้องกดใส่สำลีประมาณ 2-3 ปั๊ม ถ้าหากใช้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอจะทำให้การทำความสะอาดนั้นไม่สะอาดหมดจด ส่วนข้อดีของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทนี้ คือ ใช้ง่าย ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เปลืองเวลา สามารถล้างเน้นเฉพาะจุด Point Makeup ได้ แต่ถ้าเป็นมาสคาร่าประเภทกันน้ำจะออกได้ไม่หมด จึงต้องใช้ Eye Makeup Remover เพิ่มเป็นตัวช่วย จะใช้ดีสำหรับคนที่แต่งหน้าน้อยๆ อ่อนๆ แต่ถ้าแต่งหน้าหนาๆจะไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ส่วนข้อเสียของประเภทนี้ นั้น เนื่องจากต้องใช้สำลี ดังนั้นสาวๆควรใช้สำลีที่มีเนื้อนุ่ม เพื่อไม่ให้ระคายเคืองผิว
ยี่ห้อที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็เช่น biore Bioderma shiseido เป็นต้น
2. Cleansing oil (น้ำมันเช็ดล้างเครื่องสำอาง)จะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีเนื้อน้ำมันเป็น ส่วนประกอบ โดยมากมักจะมี Mineral oil (หรืออีกชื่อคือ Paraffinum Liquidum ) และตัวประสาน(Emulsifier) เพื่อช่วยให้ล้างออกง่ายขึ้นนั่น ซึ่งจะต่างจากเบบี้ออยด์(Baby oil) ที่มีแค่ Mineral oil เพียงอย่างเดียว จึงอาจทำให้ล้างออกได้ยากกว่า และสามารถทำความสะอาด Point makeup ได้ด้วย ลักษณะการใช้นั้นจะต้องทำการนวดเบาๆ เพื่อให้คราบเครื่องสำอางหลุดออก เมื่อคราบเครื่องสำอางหลุดออกหมดให้พรมน้ำเล็กน้อยที่ใบหน้า น้ำมันจะกลายเป็นน้ำนมทันที จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดจะช่วยให้มีความชุ่มชื่น ไม่แห้งตึง เหมาะสำหรับสาวที่มีผิวหน้าแห้ง ข้อดีคือ แต่งหน้าหนาๆควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท
นี้ค่ะแบรนด์ที่เห็นมีจำหน่ายในบ้านเรามี DHC Deep Cleansing Oil , Fancl mind Cleansing Oil,
suisai Cleansing Oil เป็นต้น
3. Emulsion or Milk Cleansing (โลชั่นน้ำนม) ปกติอิมัลชั่นนั้นจะมีเนื้อคล้ายโลชั่นเหลวกึ่งข้น ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันระหว่างน้ำและน้ำมัน โดยมีตัวประสานให้น้ำและน้ำมันเข้ากันเป็นเนื้อคล้ายน้ำนม ปกติหลายคนจะเข้าใจผิดว่ามันผสมน้ำนม ซึ่งมันไม่ใช่นะค่ะ (เว้นเสียแต่บางยี่ห้อบอกว่าผสมน้ำนม) ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะเหมาะกับคนผิวธรรมดา-แห้ง แต่ถ้าผิวมันอาจจะรู้สึกเหนอะหนะไปสักนิดยี่ห้อ
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น Skin Foods , Clinique Cleansing Milk Biore Cleansing Milk
4. Cleansing Cream และ Balm (ครีมหรือบาล์ม ล้างเครื่องสำอาง)จะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางชนิดครีม ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์จะเหมือนกับครีมบำรุงผิวทั่วไป แต่ความเข้มข้นนั้นก็จะต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ ในบางยี่ห้อนั้นเนื้อก็จะข้นและมันเยิ้ม ซึ่งโดยปกติกลุ่มนี้จะมีส่วนผสมของ Mineral Oil, Beeswax เสียเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผิวธรรมดา – แห้งมาก แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทนี้ทุกวัน อาจจะใช้ในวันที่แต่งหน้าหนัก รองพื้นจัดเต็ม ลักษณะการใช้จะเหมือนกับชนิด ออย ค่ะ คือต้องใช้การนวดเพื่อให้คราบเครื่องสำอางหลุดออก
มาที่มีจำหน่ายในบ้านเรา ก็มีหลากหลายยี่ห้อมาก ทั้ง SkII , shiseido , clean&clear ,Impress, Avene , CLARINS เป็นต้น
5.Dual Phase Cleansing ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักแยกเป็น 2 ชั้นให้เราเห็น นั่นก็คือ น้ำกับน้ำมัน นั่นเอง ซึ่งมักจะใช้ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาและริมฝีปาก โดยก่อนใช้เราควรพลิกขวดไปมา เพื่อให้น้ำกับน้ำมันเข้ากัน และรีบหยดใส่สำลีจนชุ่ม และเช็ดซ้ำได้จนกว่าเครื่องสำอางจะออกหมด
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็จะมีหลากหลายยี่ห้อเช่นกัน เช่น Artistry, M.A.C.,Etude เป็นต้น
6.Lotion Cleansing ( โลชั่น คลีนซิ่ง ) จะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ใช้ได้ทั้งคนที่มีผิวมันและผิวแห้ง เพราะจะมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดชนิดอ่อน และมีสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว วิธีการใช้คือการนวดเบาๆเพื่อให้เครื่องสำอางหลุดออก แล้วตามด้วยล้างน้ำเปล่าตาม แต่จะยังคงรู้สึกลื่น ๆ เพราะมีสารให้ความชุ่มชื้นเคลือบผิวเอาไว้เป็นฟิล์มบาง ๆ ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น Estee lauder, SkII Cleansing Lotion เป็นต้น
7.Cleansing Cotton (คลีนซิ่ง คอตตอน) นวัตกรรมใหม่สไตล์ญี่ปุ่น แผ่นคอตตอนเช็ดเครื่องสำอาง ผสานออยล์ทำความสะอาด ข้อดีลดขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าให้รวดเร็วและง่ายดาย สะดวกพร้อมใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา เนื้อบางเบา เพียงแค่เช็ดเบา ไม่เหนอะหนะ พร้อมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ล้างเครื่องสำอางชนิดกันน้ำได้ แต่อาจจะไม่หมดจด ควรทำความสะอาดด้วยCleanser ต่ออีกครั้ง และราคาค่อนข้างแพง
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น Biore Perfect Cleansing Cotton
กลุ่มที่สองผลิตภัณฑ์แบบ Detergent Base เป็นผลิตภัณฑ์แบบที่ต้องใช้ร่วมกับน้ำในการทำความสะอาด (Water-Soluble Cleanser) โดย Surfactant รับหน้าที่ในการทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Detergent-Base Cleanser (Water-Soluble Cleanser) ที่เห็นส่วนใหญ่จะมีเนื้อหลากหลายแบบดังนี้
1.Soap Bar สบู่ก้อน soap bar มีว่างจำหน่ายมานานมากแล้วเวลาล้างจะรู้สึกแห้งตึงๆผิว มักมีส่วนผสมของไขมันสัตว์อาจะทำให้มีสารตกค้างบนใบหน้าได้กลุ่มนี้ปัจจุบันไม่นิยม
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น Dove,Clinique
2.Soap-Free Bar Cleanser กลุ่มนี้มีรูปลักษณ์เหมือนสบู่ แต่ไม่มีส่วนผสมชองสบู่เหมือน Soap Bar ส่วนใหญ่จะ บอกว่าเป็น Soap-Free Cleansing Bar กลุ่มนี้ในบ้านเราไม่ได้รับความนิยมเท่าไร สบู่ค่อยข้างจะเก็บรักษายากโดนน้ำบ่อยๆเละเลย
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น DHC,Anene
3.Foam Cleanser เป็นที่นิยมมากในประเทศแถบเอเชีย เพราะอากาศร้อนชื้นทำให้ผิวรู้สึกเหนอะหนะ ผู้บริโภคจึงมักหา Cleanser ที่ทำให้รู้สึกว่าล้างแล้วรู้สึกสะอาดไม่เหลือความมันตกค้าง มีฟองค่อนข้างเยอะบ้านเราอันไหนมีฟองเยอะๆยิ่งเป็นที่นิยม
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราก็อย่างเช่น Biore,shiseido perfect whip,Neutrogena,Smooth E ,
และอีกมากมาย
4.Self-Foaming Cleanser / Mousse Cleanser
ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ก็มาทำนองเดียวกับ Cleansing Gel นี่แหล่ะ เพียงแต่จะมีเนื้อเหลวกว่าเพื่อที่จะได้ปั้มขึ้นมาเป็นฟองได้ แต่ข้อเสียคือมีราคาค่อนข้างแพง ถ้าคุณชื่นชอบ Cleanser แบบมีฟองแต่ขี้เกียจมาตีฟองเอง นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณได้อีกทางหนึ่ง การใช้ขวดปั้มก็ทำให้คุณกะปริมาณในการใช้ได้ง่ายขึ้นด้วย
ที่มีจำหน่ายในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะแบรนด์ชั้นนำทั้งนั้น Chanal,lancom,estee,Biotherm
และอีกมากมาย
5.Clear powder หรือ ที่เป็นกลุ่มเนื้อ ผง นั่นเอง จะเป็นแบบใหม่ที่ทำออกมาได้ไม่นาน เหมาะสำหรับผิวมันไปจนถึงแห้ง วิธีใช้คือ ให้เทผงลงบนมือ แล้วตามด้วยน้ำเล็กน้อย ค่อยๆนวดจนเกิดฟองและให้ไล้บนใบหน้าให้ทั่ว จะสามารถชำระล้างได้สิ่งสกปรกได้ดี เข้าถึงใต้ผิวหนังชั้นกำพร้าได้ดี
บ้านเรายังไม่ค่อยมีจำหน่าย แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังนิยม kanebo suisai ,DHC
6.Gel Cleanser เจล คลีนเซอร์ เป็นคลีนเซอร์ที่ปราศจากน้ำมัน และมีค่าความเป็นด่างน้อยกว่าสบู่ มักจะมีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ล้างออกง่าย เหมาะสำหรับผิวผสม และผิวมัน
ที่มีจำหน่ายในบ้านเรา Clinique, Loreal ,Biore เป็นต้น
7.Foam Bead Scrub เป็น อยู่ในกลุ่ม Foam Cleanser รูปแบบโฟมเม็ดบีทหรือโฟมสครับนั่นเอง ตัวนี้จะไม่เหมาะกับผิวที่เป็นสิวอักเสบ และไม่ควรใช้ทุกวันเพราะอาจจะทำลายผิวกระพร้าใบหนังได้ ควรใช้อาทิตย์ละ1-2 ครั้งพอ
ที่มีจำหน่ายในบ้านเราBiore ,Neutrogena เป็นต้น
8. Hybrid Cleanserเป็น Cleanser ที่ใช้ทั้งคุณสมบัติของ Emollient และ Detergent ในการทำความสะอาด มีลักษณะเนื้อออกไปทางเจลข้น ๆ กึ่งโลชั่น ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเราเลย และไม่เหมาะกับการผู้แต่งหน้าจัด หรือใช้ครีมกันแดด
ขั้นตอนที่ 1 ทำความสะอาดผิวหน้าโดยใช้ cleansing เพื่อจะจัดการพวกเครื่องสำอางต่างๆบนในหน้าของเราออกก่อน ซึ่งเราก็ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าเราตามเนื้อหาที่ได้กล่าวไว้ตามด้านบน
ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้าเฉพาะจุดอย่างเช่นEye Remover ผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดรอบดวงตาของเราโดยตรง และอ่อนโยนสำหรับสาวๆที่แต่งตาทั้งหลายที่ ลงอายไลน์เนอร์ อายแชร์โดว ส่วนสาวๆที่ไม่ได้แต่งตาก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยคะ
ขั้นตอนที่ 3 ทำความสะอาดหน้าโดยใช้ cleanser แนะนำให้ ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าก่อนเผื่อให้รูขุมขนเปิด ตามด้วย cleanser ไลทั่วใบหน้าเบา อย่าถูแรงนะค่ะ ไล้เบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นได้ก็จะดีมากเพื่อเป็นการปิดรูขุมขน และใช้ผ้าขนหนูค่อยๆซับลงบนใบหน้า
ขั้นตอนที่ 4Toner ด้วยคุณสมบัติของโทนเนอร์นั้น ถึงจะทำความสะอาดได้ดีก็ตามแต่ถ้าใช้ ถ้าโทนเนอร์ บ่อยหรือมากเกินไป ก็อาจเป็นตัวทำลายชั้นผิวบนใบหน้าได้ ดังนั้นถ้าเราทำความสะอาด cleansing ไปตั้งแต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์เพิ่มแล้ว แต่สำหรับหนุ่มๆทั้งหลายโทนเนอร์ก็เป็นอีกทางเลือกนึง ที่จะทำให้ผิวหน้าสะอาดมากขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณข้อมลูจาก
http://yondaiban.blogspot.com/2012/08/cleanser-cleansing.html
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pupesosweet&month=09-2008&date=20&group=6&gblog=7
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet&month=23-09-2008&group=6&gblog=8
หน้าที่เข้าชม | 7,303,665 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 4,296,352 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |