คอลลาเจน ( Collagen ) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ Kolla ซึ่งแปลว่ากาว คอลลาเจน คือโปรตีนธรรมชาติชนิดหนึ่งที่พบมากในผิวหนังและกระดูกของสิ่งมีชีวิต ในร่างกายคนเรามีโปรตีนคอลลาเจนอยู่ถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 33 % คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างตาขายหนาแน่นขนาดเล็กมากและมีความแข็งแรงมาก มีลักษณะ เป็นเกรียวสามเส้นพันกัน และเป็นตัวเชื่อมอวัยวะต่างๆ กับกระดูก และยังทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของผิวหนังและกระดูก โครงสร้างเหล่านี้จะค่อยๆเสื่อมสลายเองตามอายุที่มากขึ้น เช่นรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง ข้อต่อและกระดูกเสื่อม โดยทั่วไปคอลลาเจนจะไม่สามารถรับประทานโดยตรงได้เพราะมีขนาดและความหนาแน่น สูงมากดูดซึมได้ยาก จึงจำเป็นต้อง ผ่านกระบวนการแปรรูปให้มีขนาดเล็กเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากคอลลาเจนทั่วไปมี 2 ชนิด ชนิดแรกคือ เจลาติน Gelatin (สารให้ความหนืดชนิดหนึ่ง) และชนิดที่สองคือ คอลลาเจนพร้อมรับประทาน (Hydrolyzed Collagen)
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ ทำหน้าที่ เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบ เนียน คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น
นอกจากนี้คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ โดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “ อิลาสติน ” ( Elastin ) ในขณะที่ คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว ควบคู่กันไปด้วย
ร่างกายของคนเรานั้นจะมี คอลลาเจน หนาแน่ในวัยเด็ก คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก จึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึง แต่เมื่อมีวัยมากขึ้น เส้นใย คอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย ยิ่งสูงวัยขึ้นเท่าใด ริ้วรอยแห่งวัยก็เห็นชัดขึ้นเท่านั้น ยัง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม อันเนื่องมาจาก คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูก ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้นน สังเกตุจากริ้วรอยแรกที่มาเยือนที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ รอยตีนกา เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางมาก อีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึด ผิวรอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวมากกว่าที่อื่น
โดยพบว่าคนที่มีอายุ 25 ขึ้นไป จะมีปริมาณ คอลลาเจน ลดลงทุกปี ปีละ 1.5% อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้ร่างกายได้ ด้วยการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ และอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกคือ การรับประทาน คอลลาเจน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนังและเพื่อเสริมให้กระดูกแข็งแรง ควรรับประทาน คลอลาเจน และ แคลเซียม เสริมจะช่วยป้องกัน ภาวะกระดูกพรุนได้
1.รับประทานแป้งและน้ำตาล :อาหารที่มีน้ำตาลสูงเพิ่มอัตราการ glycation(glycation ก็คือการที่น้ำตาลในเลือดในร่างกายไปทำปฎิกิริยากับโปรตีนทำให้โปรตีนผิดรูป), ทำให้เกิดความเสียหายโปรตีนบางชนิดและสามารถทำให้คอลลาเจนในร่างกายสูญเสียไป
2.การสูบบุหรี่: เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าบุหรี่ทำร้ายสุขภาพ ในควันบุหรี่มีสารเคมีมากมายที่ทำร้ายคอลลาเจนในร่างกายของเราและอีลาสติในผิว ทำให้ผิวพรรณดูเหี่ยวย่นแล้วแก่ก่อนวัยอันควร
3.แสงแดด :รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดเป็นสาเหตุที่ทำลายคอลลาเจนในผิวขอเรา และยังไปกระตุ้นการทำงานของอีลาสตินที่ผิดปกติ อีลาสตินที่ผิดปกติจะนำไปสู่การผลิตเอนไซม์ที่สามารถทำลายคอลลาเจน
ในร่างกายคนเราประกอบด้วย คอลลาเจนมากถึงประมาณ 33% เมื่อคอลลาเจนในร่างกายน้อยลงจึงมีผลกระทบอย่างมากต่อ ร่างกาย เช่น ผิวหนังแห้งกร้านหยาบกะด่าง ริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ฝ้าและตกกระ กระดูก และ ข้อต่อเสื่อม มีเสียงดังขณะเดินหรือลุกนั่งมีอาการเจ็บเข่า ปวดหลัง ปวดเอว ระบบไหลเวียนโลหิตเสื่อมการเผาผลาญไขมันด้อยลง (อ้วนง่ายลดน้ำหนักยาก) ดูแก่ก่อนวัย เช่น ผมขาว เล็บเปราะง่าย
1. เนื้อปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาหมึก ปลากระเบน เป็นต้น แหล่งที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนโดยส่วนใหญ่มักจะอยู่ในส่วนเนื้อเยื่อ ตา และหนังของปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งจะประกอบโดยกรดโอเมก้า ที่มีคุณสมบัติเป็นอาหารชั้นเลิศของผิว นอกจากนี้คอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลจะมีโมเลกุลที่คล้ายกับโครงสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังของมนุษย์
2. สาหร่ายทะเล หรือสาหร่ายน้ำจืด ล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
3. น้ำมะพร้าว ในน้ำมะพร้าวจะมีส่วนประกอบของสารเอสโตรเจน ซึ่งจะช่วยในการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินอยู่เป็นจำนวนมาก
4. เนื้อไก่ เนื้อหมู โดยคอลลาเจนจะอุดมอยู่ในส่วนโปรตีนของเนื้อ
5. ไข่ขาว มีส่วนประกอบของสารโพรลีนและสารไลซีน ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นคอลลาเจนได้
6. เห็ดทุกชนิด เช่น เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู เป็นต้น ล้วนแต่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน
7. ผักใบเขียวเข้ม มักที่จะมีวิตามินซีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำโปรตีนมาบำรุงร่างกาย พร้อมกับช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย ผักใบเขียวเข้มที่มีปริมาณคอลลาเจนเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น แตงกวา ขึ้นฉ่าย หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดหอม คะน้า เป็นต้น
8. ผลไม้สีแดง มีสารไลโตปีน ช่วยในการทำปฏิกิริยาแอนติออกซิแดนท์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง อาทิเช่น มะเขือเทศแดง พริกหยวกแดง หรือผลไม้ที่มีสีแดงคล้ำ เช่น บลูเบอรี่ แบล็กเบอรี่ หัวบีท มะเขือเทศ แก้วมังกร แอปเปิ้ล ลูกเบอรี่ เป็นต้น ผลไม้เหล่านี้มีส่วนประกอบของคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าที่พบในเนื้อสัตว์
9. ถั่วประเภทต่าง เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่วเหลือง เป็นต้น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่เข้มข้น มีกรดอะมิโนที่เป็นโครงสร้างของคอลลาเจน และมีกรดโอเมก้า ที่เป็นอาหารที่ดีของผิวหนัง และมีส่วนประกอบของสารในกลุ่มๆ ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) มีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเสริมฮอร์โมนให้กับเพศหญิง
10.เนยแข็งหรือชีส นอกจากจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแล้วยังช่วยชะลอความชราภาพของผิวหนังอีกด้วย
หน้าที่เข้าชม | 7,303,464 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 4,296,151 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |