ในยุค2015นี้ เข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัว ผู้คนต่างใช้คอมพิวเตอร์ และสมาร์โฟน อยู่ตลอดเวลา ยิ่งสมาร์โฟนเหมือนกันปัจจัยที่5ที่ขาดไม่ได้ และยังมีแอปปิเคชั่นต่างๆ ทำให้เราต่างก้มหน้าก้มตากดอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดวงตาของเราเกิดอาการล้า ตาแดง พร่ามัว จากแสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟน อีกทั้งความสวยความสมัยใหม่ทั้ง Big Eyeys บิ๊กอาย (คอนแทคเลนส์ตาโต) คอนแทคเลนส์ สี ก็เป็นปัจจัยทำให้ดวงตาแห้ง ดวงตาล้า และอาการระคายเคืองตาได้ง่ายอีกด้วย
นวัตกรรมยาหยอดตา EYEDROP นั้นยังสามารถเป็นน้ำตาเทียม สำหรับผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ได้อีก และยังเป็นตัวยาสำหรับรักษาอาการตาแดง อาการระคายเคืองตา จากแสงแดด และฝุ่นควัน มลพิษในอาการได้อีกด้วย เป็นยังไงกันบางสำหรับนวัตกรรมน้ำยาหยอดตาจากญี่ปุ่น เรามาดูส่วนผสมสำคัญของน้ำยาหยอดตากันดีกว่า
-tetrahydrozoline hydrochloride เป็นยาที่มีฤิทธิกระตุ้นระบบซิมพาเทติก ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดฝอยภายในตาหดตัวลงทำให้ลดอาการ บวม แดงใช้ในการบรรเทาอาการตาแดง และอาการระคายเคืองตาจากหมอกควัน ว่ายน้ำ ฝุ่นควันสูบบุหรี่ แสงแดด และยังช่วยให้ลดการทำงานของเส้นเลือดฝอยในตาขาวลดลง อาการเส้นเลือดฝอยในตาแตก จากการใช้ดวงตาหนัก จากการเล่นมือถือ อ่านหนังสือ และยังช่วยตาชุ่มชื่นช่วยปกป้องตาแดง ดวงตาจากการระคายเคืองและตาแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-Neostigmine methyl sulfate ช่วยปรับโฟกัสให้กับดวงตาที่มองเห็นพร่ามัว ให้กลับมาเห็นชัดขึ้นในทันทีหลังการหยอดน้ำตา เพียง1นาที
-Naturally occurring vitamin E ส่วนผสมวิตามิน อี จะทำให้ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดฝอยในดวงตา บรรเทาอาการปวดตาได้เป็นอย่างดี
-Taurine บำรุงดวงตา ส่งเสริมการมองเห็นและป้องกันศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม และช่วยในการทำงานของเรตินาในการรับแสง ปกป้องเรติน่าจากการทำลายของแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอม และสมาร์ทโฟน ช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวดวงตา ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาได้เป็นอย่างดี
-Chondroitin sulfate sodium ช่วยในการป้องกันการระเหยของน้ำตา และให้ความชุ่มชื้นให้กับดวงตา จากการทำร้ายของแสงสีฟ้า แสงแดด รวมถึงการที่เราอยู่ในห้องแอร์นานๆทำให้ตาแห้ง และการที่เราใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ Chondroitin sulfate sodiumจะช่วยได้ดีเป็นอย่างมาก
-Vitamin b6 วิตามินบี6 ช่วยให้ลดอาการประสาทตาเสื่อม และการตาเมื่อยหล้า กระตุ้นการทำงานของดวงตา ให้ดวงตา
-Vitamin b12 วิตามินบี 12 ช่วยในการปรับโฟกัสให้ดวงตา และช่วยบำรุงกล้ามเนื้อตาให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม
Panthenol แพนทีนวิตามินที่ช่วยเสริมดวงตาผลิตพลังงานในการเผาผลาญน้ำตาล และไขมันในดวงตา เพื่อช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา และซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกระจกตา ให้คลายความอ่อนล้าและตาพร่ามัว
Chlorpheniramine maleate
ช่วยการปิดกั้นการกระทำของฮีสตามี ที่ทำให้เกิดอาการคันและอาการปวดและลดอาการบวมอักเสบของการเกิดอาการแพ้เช่นอาการคันในดวงตา
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผสมที่บำรุงดวงตา ที่มีอยู่ในน้ำยาหยอดตาญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีส่วนผสมอีกมายในน้ำยาหยอดตาจากญี่ปุ่น เรามาดูรุ่น ยาหยอดตาที่ฮิตกันในญี่ปุ่นเพื่อใครมีโอกาศได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะได้ซื้อกลับมาใช้กัน หาซื้อก็ง่ายมีจำหน่ายในร้านขายยาญี่ปุ่นทุกที่ สนนราคาก็ไม่แพงเริ่มต้นที่ประมาณ 300-1600เยน หรือเพียง100-500บาทเท่านั้น
อันดับแรก ROHTO LYCEE บ้านเราเรียกรุ่นลิ่นจี้ ด้วยแพจเกจสีชมพู สาวๆเห็นต้องหยิบ คุณสมบัติ ช่วยเรื่องอาการตาล้า ปรับโฟกัสให้ด้วยตาดวงตาชุ่มชื่น แถมมีกลิ่นกุหลาบ เหมาะสำหรับสาวๆเป็นที่สุด
2. Sante FX NEO รุ่นนี้ขายดีมากในญี่ปุ่น เพราะมีความเย็นระดับ 5หยอดไปแล้วรู้สึกสดชื่นในทันที่ อาการตาแดง หายเป็นปิดทิ้ง และตาใสมาก ยิ่งรุ่น Sante FX V+ นี้มีถึง7วิตามิน แนะนำเลยที่เดียวอันนี้สำหรับผู้ชายน่าจะเหมาะมาก
3.Sante Beautéye ความเย็นระดับ 0 (ไม่เย็นเลย) อันนี้พึ่งลงหนังสือ CleoThailand ในบ้านเราว่าเป็น Must Haveเลยถ้าไปญี่ปุ่น Sante Beautyeye เป็นเอจ เอนจิ้น ช่วยดูแลรักษาดวงตา สำหรับผู้ทีมีอายุ 40ปีขึ้น ช่วยให้ดวงตาคงสภาพ มองชัดเจน ไม่พร่ามัวเหมือนดวงตากลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
4.Rohto Z! เป็นยาหยอดตา ชนิดเย็นสุดขั๊วระดับ 8เลยสูงสุดแล้ว สำหรับเด็กนักศีกษา หรือเกมเมอร์ ที่ต้องการความสดชื่นของดวงตา หยอดไปที่ถึงกลับตื่นหลายง่วงนอนกันเลยที่เดียว แถมบำรุงสายตาที่พร่ามัวจากการ อ่านหนังสือ หรือใช้สายตามากๆ
5.Sante PC ตัวนี้เหมาะกับ เกมเมอร์ติดเกม และพนักงานออฟฟิต ที่ทำงานหน้าจอคอม เพราะมีส่วนผสมที่ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า และบำรุงดวงตา ให้ดวงตาชุ่มชื่น รุ่นนี้ไม่ค่อยเย็นแค่ระดับ 3 พื้นๆมาก
5น้ำยาหยอดตาที่ทางเราแนะนำไปให้สำหรับทุกเพศทุกวัยเลยส่วนใครไปญี่ปุ่นก็ซื้อมาฝากด้วยนะ ขอตัวไปหยอดตาก่อน ตาล้า พร่ามัวแล้วเหมือนกันครับ
หน้าที่เข้าชม | 7,303,665 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 4,296,352 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |