“น้ำ” กับ สุขภาพร่างกายและผิวพรรณ ประโยชน์มากมายที่เราต้องเรียนรู้

“น้ำ” กับ สุขภาพร่างกายและผิวพรรณ ประโยชน์มากมายที่เราต้องเรียนรู้

       “น้ำ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์เราร่างกายของคนเรานั้นประกอบไปด้วยน้ำ 2 ใน 3 ส่วนแน่นอนว่าส่วนประกอบและอวัยวะต่างๆของคนเรานั้นล้วนแล้วแต่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญแทบทั้งสิ้นอย่างเช่นสมองของมนุษย์เรานั้นทราบหรือไม่ว่ามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 75% หรือแม้กระทั่งอวัยวะอย่างปอดที่หลายคนคิดว่าเป็นเพียงแค่ถุงลมใช้ฟอกอากาศนั้นจริงๆแล้วกลับมีปริมาณน้ำที่เป็นส่วนประกอบมากถึง 90% หรือแม้กระทั่งกล้ามเนื้อและเซลล์ต่างๆที่หลายคนคิดว่าส่วนประกอบหลักคือโปรตีนแต่จริงๆแล้วกล้ามเนื้อของเรากลับมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 35% จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเราสามารถบอกได้เลยว่าน้ำเป็นปัจจัยหลักของมนุษย์เราและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

        “คนเราสามารถขาดอาหารได้เป็นเดือนแต่ถ้าได้ดื่มน้ำก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้แต่ถ้าขาดน้ำเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้” ประโยชน์ของน้ำที่เราดื่มกินกันนั้นจะมีผลต่อระบบไหลเวียนของเหลวต่างๆในร่างกายให้อยู่ในสภาวะปกตินอกจากนั้นความเต่งตึงและความชุ่มชื่นของผิวพรรณก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในร่างกายด้วยเช่นกันน้ำยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการชะล้างและการขับของเสียออกจากร่างกายประกอบกับเป็นตัวละลายวิตามินบางชนิดและเป็นตัวช่วยชั้นดีในการนำสารอาหารไปสู่เซลล์ต่างๆทั่วร่างกายให้ง่ายขึ้นและที่สำคัญก็คือเป็นตัวช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติด้วย

น้ำ" สามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เราสามารถใช้น้ำเพื่อบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค (แต่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องใช้ระยะเวลา ตัวอย่างเช่น อาการปวดหัว อาการปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ อักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไต และยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวง โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก และอื่นๆอีกมากมาย

น้ำกับการลดน้ำหนัก

        น้ำยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ศาสตราจารย์ไมเคิล บอสชมานน์ หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า เพราะน้ำที่ดื่มจะเข้าไป จะไปปลุกประสาทซิมพาเทตติก ซึ่งควบคุมการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ทำให้ช่วยกำจัดแคลอรี่ที่ เกินลดน้อยลงไปได้

         วารสารเรื่อง “วิทยาการต่อมไร้ท่อและการเผาผลาญอาหารภายในร่างกาย” เปิดเผยว่า การดื่มน้ำเกินวันละ2ลิตร หรือ 2000cc ประมาณ10แก้ว จะสามารถช่วยกระบวนการเผาผลาญเพิ่มขึ้นอีกวันละ 150 แคลลอรี่    แต่นักวิจัยยังได้บอกเตือนไว้ว่า “หากจะดื่มน้ำเพื่อลดน้ำหนักนั้น ควรจะเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น หากดื่มน้ำแร่หรือน้ำอัดลม จะกลับกลายเป็นโทษได้”

น้ำกับผิวพรรณ

น้ำจะช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื้นแก่ผิวจากภายใน เมื่อผิวขาดน้ำ จะทำให้ผิวแห้งกร้าน ดูหมอง ไม่กระจ่างใส และยังทำให้ผิวหนังชั้นบนเกิดรอยย่นจากความแห้ง ชั้นคอลลาเจนถูกทำลาย ผิวชั้นหนังแท้ขาดความยืดหยุ่น การดื่มน้ำจะทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น ช่วยลดปัญหารอยคล้ำดำใต้ตาได้ ในผู้ป่วยโรคผิวหนังบางโรค เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) การดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยทำให้ผื่นดีขึ้นได้เมื่อร่างกายของเราประสบภาวะ ขาดน้ำ จะมีการหลั่งสารที่เรียกว่า Histamine ทำหน้าที่ในการปันส่วนน้ำให้ไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ก่อน ทำให้น้ำมาหล่อเลี้ยงผิวหนังลดน้อยลง เราจะรู้สึกว่า ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น หมองคล้ำ อาจเกิดรอยย่นตื้นๆบนผิวหนังได้น้ำเป็นสาระสำคัญที่ชำระล้างสารพิษต่างๆออก จากร่างกาย ถ้าเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ ของเสียจะตกค้างสะสมในร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆรวมถึงผิวหนังเสียสุขภาพ อีกทั้งสารพิษที่ขับออกทางผิวหนังจะมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้ เพื่อสุขภาพที่ดีเราควรดื่มน้ำประมาณ 8-10 แก้วทุกวันแต่ไม่ควรดื่มมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดภาวะเกลือแร่ในร่างกายเจือจางผิดปกติได้ข้อเสียของการดื่มน้ำมาก 

         ทางการแพทย์ยังนำส่วนของน้ำมาช่วยในการบำรุงผิวพรรณอย่างกรดไฮยาลูรอนิค หรือ Hyaluronic Acid หรือ HAที่ให้ความชุ่มชื่นแก้ผิวละกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิว 

         ถึงแม้ว่าการดื่มน้ำจะมีความจำเป็นและสำคัญต่อร่างกายแต่ถ้าดื่มในปริมาณมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกันเพราะถ้าดื่มน้ำในปริมาณมากเกินความจำเป็นก็จะส่งผลต่อไตและเกิดอาหารปวดหัว, คลื่นไส้, อาเจียน, กล้ามเนื้อเป็นตะคริว. น้ำหนักมากขึ้นและอื่นๆอีกมากมายเพราะฉะนั้นการดื่นน้ำในแต่ละวันควรมีปริมาณที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

ภาวะขาดน้ำ

         สมองส่วนกลาง (Hypothalamus) จะมีการสั่งงานให้เกิดความกระหายน้ำเมื่อร่างกายขาดน้ำโดยร่างกายของเราจะสูญเสียน้ำอยู่ตลอดเวลาทั้งจากเหงื่อ, การหายใจ, การปัสสาวะหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวต่างๆโดยภาวะของการขาดน้ำจะมีอาการแตกต่างกัน

          ขาดน้ำ 2 % ขึ้นไปจะเริ่มมีอาการกระหายน้ำ

          ขาดน้ำ 5 % ขึ้นไปร่างกายจะมีการกระหายน้ำที่รุนแรงมากขึ้นระบบการทำงานส่วนต่างๆจะเริ่มมีการทำงานผิดปกติ

          ขาดน้ำ 30 % ขึ้นไปจะเกิดอาหารปากแห้ง, เวียนศีรษะ, อ่อนเพลียหรืออาจหมดสติและเสียชีวิตได้ถ้าขาดเป็นระยะเวลานาน

ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

            ในคนแต่ละคนนั้นจะมีความต้องการน้ำในแต่ละวันในปริมาณที่แตกต่างกันออกไปโดยองค์การอนามัยโลกได้มีการวิจัยเกี่ยวกับปริมาณความต้องการน้ำของแต่ละคนและได้บทสรุปเป็นสูตรการคำนวณปริมาณน้ำที่ต้องการในแต่ละวันได้ดังนี้

            {น้ำหนักตัว (ก.ก.) / 2} X 2.2 X 30 = จำนวน C.C.  (1,000 C.C. = 1 ลิตร, 1ลิตร = 5 แก้ว)

ตัวอย่างเช่น

            นางสาว A มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม

            นางสาว A ต้องการน้ำ = {50/2} X 2.2 X 30 = 1,650 C.C. ต่อวันหรือประมาณ 1.65 ลิตรเป็นอย่างต่ำ

การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ

            การดื่มน้ำนั้นหลายคนอาจจะคิดว่าดื่มตอนเมื่อร่างกายต้องการหรือมีความกระหายน้ำเท่านั้นแต่ทราบหรือไม่ว่าจริงๆแล้วถือเป็นความคิดที่ผิดเพราะเมื่อเกิดการกระหายน้ำนั่นหมายความว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำแล้วการกินน้ำเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงละร่างกายทำงานปกตินั้นควรจะกินให้เป็นช่วงระยะเวลาจะดีที่สุดโดยหลักๆจะมีดังนี้

ดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนตอนเช้า

            เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำทันทีประมาณ 2 แก้วหรือประมาณ 400cc เพราะเป็นช่วงที่เลือดมีความเข้มข้นสูงเลือดมีลักษณะขาดน้ำนั่นเองและยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกายน้ำที่ดื่มก็ควรเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเพราะในช่วงเช้าร่างกายจะขับของเสียที่สะสมไว้ได้เป็นอย่างดีและไม่ควรดื่มน้ำเย็นเพราะการดื่มน้ำเย็นร่างกายจะต้องรับภาระหนักเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำให้เข้ากับร่างกาย

ดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร

            ก่อนรับประทานอาหารควรดื่มน้ำก่อนเล็กน้อยหรือจิบไปด้วยระหว่างรับประทานอาหารช่วยเพื่อให้ช่วยการขับเคลื่อนอาหารเข้าสู่กระเพาะทำได้ง่ายแต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปเพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจางและรับสารอาหารไม่เต็มที่ปริมาณที่ควรจะดื่มไม่ควรเกิน 1 แก้วและหลังจากนั้นให้งดดื่มน้ำเป็นระเวลาประมาณ 40 นาทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเพื่อช่วยให้ระบบการย่อยอาหารเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ช่วงเวลาหลังบ่าย  ควรดื่มน้ำประมาณ  3 แก้ว เป็นเพราะช่วงนี้เป็นภาวะขาดน้ำและอากาศบ้านเรามีอุณหภูมที่ร้อร จะทำให้รู้สึกเพลียและง่วงนอนหากดื่มช่วงเวลานี้จะทำ ให้เราสดชื้นและกระปี้กระเป่าให้หัวสมองคุณแล่น  ไม่หลับในที่ทำงาน

ช่วงเวลาหัวค่ำ ควรดื่ม 3 แก้ว และก่อนนอนต้องดื่มอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชำระล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหารยิ่ง ถ้าเป็นน้ำอุ่นแล้วจะยิ่งทำให้เราหลับสบายขึ้นอีกด้วย

            ทั้งหมดนี้เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับน้ำที่จำเป็นต่อร่างกาย  แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแต่จริงๆแล้วถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆอีกทั้งประโยชน์ของน้ำยังมีมากกว่าที่ได้กล่าวเอาไว้เสียอีกการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเพียงแค่นี้ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว หันมาใส่ใจเรื่องเล็กๆกันสักนิดชีวิตของคุณจะผิวพรรณและใบหน้าที่สดใจและชีวิตยืนยาวได้อย่างแน่นอน